อาการคันยุกยิกบริเวณจุดซ่อนเร้นเป็นอาการที่พบได้บ่อยใน ผู้หญิง หลายคนไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของอาการนี้ว่าเป็นอาการเริ่มต้นที่บ่งบอกว่า อาจเกิดการติดเชื้อราภายในช่องคลอด บางคนยังเข้าใจผิดคิดว่าอาการคันเพียงเล็กน้อย ไม่จำเป็นต้องใช้ยารักษา ทำให้อาการคันกลับมาเป็นซ้ำได้อยู่บ่อย ๆ ไม่หายขาดสักที ในงานเสวนา “รณรงค์หญิงไทย รู้ทันอาการคัน” โดย บริษัทไบเออร์ไทย แผนกคอมซูมเมอร์แคร์ เชิญ รศ.นพ.กระเษียร ปัญญาคำเลิศ อาจารย์ประจำภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาให้ความรู้ว่า คันตกขาวจากเชื้อรา เป็นเรื่องที่ผู้หญิงทุกคนมีโอกาสเป็น พบ 3 ใน 4 คน เคยมีอาการอักเสบภายในช่องคลอดจากเชื้อรา โดยปกติภายในช่องคลอดจะมีเชื้อราตามธรรมชาติแต่ไม่ก่อให้เกิดอาการใด ๆ แต่เมื่อใดมีปัจจัยรบกวนสมดุลจะทำให้เชื้อราเจริญเติบโตมากกว่าปกติ บางครั้งอาจลุกลามมายังภายนอกบริเวณจุดซ่อนเร้น อาการคันคืออาการแรกเริ่มที่บ่งบอกว่าอาจเกิดการติดเชื้อราภายในช่องคลอด เชื้อราที่พบบ่อยคือกลุ่มแคนดิดา บางครั้งอาจมีอาการตกขาวร่วมด้วย คล้ายนมที่จับตัวเป็นก้อนสีขาวหรือสีเหลือง คล้ายนมที่ทารกแหวะออกมา ไม่มีกลิ่นแต่ถ้าพบว่ามีกลิ่นแรงหรือมีสีเข้ม ควรปรึกษาแพทย์ทันที
“ตัวอย่างปัจจัยรบกวน ได้แก่ ใส่เสื้อผ้าคับทำให้อับชื้น กินอาหารจำพวกแป้งสูง มีประจำเดือนมากกว่าปกติ สัมผัสสบู่ที่มีฤทธิ์เป็นด่าง ผู้ที่กินยาปฏิชีวนะเป็นเวลานาน รวมถึงยาสเตียรอยด์ ยาคุมกำเนิด ยาฮอร์โมน นอกจากนี้ยังมีผู้หญิงหลายคนคิดว่า เกิดจากไม่รักษาความสะอาดจุดซ่อนเร้น หรือเกิดจากมีเพศสัมพันธ์ ทำให้เขินอายไม่กล้าปรึกษาจึงรักษาไม่ถูกวิธี โดยทั่วไปแนะนำให้ใช้ยาฆ่าเชื้อราชนิดเม็ดสอดช่องคลอด ชนิดสูตรกรดแลคติก ซึ่งแตกตัวและดูดซึมได้ดี ควรใช้คู่กับยาฆ่าเชื้อราชนิดครีมทาเพื่อบรรเทาอาการคันให้หายเร็วขึ้น” รศ.นพ.กระเษียร แนะนำรักษาที่ต้นเหตุ
ส่วนวิธีการดูแลจุดซ่อนเร้นง่าย ๆ คือ ควรสวมเสื้อผ้าที่ไม่แน่นจนเกินไป ใช้กางเกงในที่ทำจากผ้าฝ้าย ไม่ควรใช้ชุดชั้นในที่อับชื้น ไม่ควรใช้แผ่นอนามัยเป็นประจำ ทำความสะอาดร่างกายหลังออกกำลังกายไม่ควรทิ้งไว้นาน หลีกเลี่ยงกินยาปฏิชีวนะ ยาแก้อักเสบหรือยาสเตีย รอยด์เป็นระยะเวลานานโดยไม่จำเป็น และไม่ใช้นํ้ายาสวนล้างช่องคลอด สบู่ที่เป็นด่าง ใช้นํ้าสะอาดหรือสบู่อ่อน ๆ ก็เพียงพอแล้ว.